
ช่วงยุคทองของอาณาจักรล้านนา เจดีย์ทรงปราสาท ลวดลายประดับองค์เจดีย์ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่กรอบซุ้มจระนำหรือซุ้มโขงที่รับบันไดบนชั้นฐานประทักษิณ ประติมากรรมนูนต่ำ มีการพัฒนาลวดลายจนเป็นแบบอย่างพื้นเมืองล้านนา เส้นสายและกรอบโครงเป็นรูปทรงอิสระและเลียนแบบธรรมชาติมากขึ้น เช่น “ลายพรรณพฤกษา” (ลายเครือเถา ลายเครือล้านนา) เป็นรูปดอกไม้ใบไม้ต่างๆ รวมถึงลายดอกไม้ร่วงที่ได้รับอิทธิพลจากลังกาใช้ประดับเพื่อลดที่ว่างของพื้นหลัง “ลายเมฆไหล” ได้รับอิทธิพลศิลปะจีน และ “ลายกระหนกล้านนา” ที่ขมวดหัวจนเกือบเป็นวงกลม ลวดลายในงานประติมากรรมนูนตํ่ามีลักษณะคล้ายงานฉลุโปร่ง ขอบลายคมชัด ดูเหมือนแยกส่วนจากพื้นเรียบด้านหลัง ประติมากรรมนูนสูง นอกจากพระพุทธรูป ยังมีรูปเทวดา และรูปสัตว์หิมพานต์ ตามแนวความคิดจักรวาลคติ เช่น นาค สิงห์ หงส์ ครุฑ กินนร กินนรี รวมไปถึงมกรและมอม เจดีย์บางองค์ประดับรูปปูนปั้นช้าง ล้อมรอบส่วนฐานประทักษิณ ตามอิทธิพลศิลปะลังกา เจดีย์ทรงระฆัง มีบัวซ้อนชั้นรับองค์ระฆังประดับลายกลีบบัว คั่นด้วยชั้นท้องไม้เจาะช่องสี่เหลี่ยมและรูปเทวดา การตกแต่งพื้นผิว ในช่วงยุคทองของอาณาจักรล้านนา เจดีย์บางองค์ตกแต่งพื้นผิวในบางส่วนหรือรอบองค์เจดีย์ โดยการ “หุ้มทองจังโก” ซึ่งทำด้วยทองสำริด ตีแผ่นบางสำหรับบุผิว และ “ดุนลาย” บางองค์ประดับลายเป็นแถบโอบรอบในส่วนกลางองค์ระฆังเรียกว่า “รัดอก” และในส่วนปลายองค์ระฆังเรียกว่า “บัวคอเสื้อ” ตามอิทธิพลศิลปะพุกาม หรือมีการตกแต่งพื้นผิวแบบ “ลงรักปิดทอง” […]