ฝาผนัง เรียกตามคำล้านนาว่า “ป๋างเอก” มี ๒ ลักษณะ ได้แก่ ฝาผนังไม้ที่ติดตั้งอยู่เฉพาะครึ่งบน เรียกว่า “ฝาย้อย” หรือ “ฝาหยาด” ในอาคารแบบเปิด ที่แต่ละช่วงเสาเปิดโล่งให้คนสามารถเดินเข้าได้โดยรอบ ทำให้ต้องทิ้งปลายชายคาต่ำลงเพื่อกันแดดและฝนได้เพียงพอ มักใช้กับวิหารทรงพื้นเมือง เรียกว่า “วิหารโถง” หรือ “วิหารป๋วย” ส่วนฝาผนังเต็มความสูงจากพื้นถึงใต้ชายคาโดยมีหน้าต่างในแต่ละช่วงเสาในอาคารแบบปิด อาจเป็นฝาผนังไม้ครึ่งบน ต่อด้วยฝาผนังก่ออิฐถือปูนครึ่งล่าง หรือเป็นฝาผนังก่ออิฐถือปูนทั้งหมด ป๋างเอกของอาคารชั้นสูงมักทำด้วยฝาไม้กระดานเข้าลิ้นประกอบอยู่ในกรอบโครงไม้รูปสี่เหลี่ยมย่อยๆ เรียกว่า “ฝาตาผ้า” และอาคารแบบปิด มีทั้งที่ใช้ฝาตาผ้าซึ่งเป็นไม้ทั้งหมด หรือพัฒนาต่อเติมเป็นฝาผนังก่ออิฐถือปูนช่วงล่างต่อจากฝาตาผ้าช่วงบน หรือก่ออิฐถือปูนทั้งหมดในสมัยหลัง ในอาคารแบบปิด หากพื้นที่ใหญ่จะใช้กรอบทางตั้งเป็นแนวหลักและแบ่งซอยด้วยกรอบแนวนอน ส่วนแผงไม้ที่ติดระหว่างเสา เช่น ฝาย้อยและแผงคอสอง จะแบ่ง ช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวเดียวเรียงตามแนวนอน ส่วนใหญ่มีประตูทางเข้าบานเปิดคู่กลางเฉพาะด้านหน้าเน้นทางเข้าหลักด้วยกรอบซุ้มประตู หรือมีประตูเล็กทางด้านข้างด้วย และเจาะช่องหน้าต่างบานเปิดคู่ในแต่ละช่วงเสา หรือเจาะช่องแสง แบบช่องตีนกา (ปล่องเบงจร) เป็นรูปกากบาท หรือเจาะช่องลูกกรงตามตั้งด้วยไม้กลึงแบบลูกมะหวด และช่องลูกกรงตามตั้งไม้หรือปูนแบบหน้าตัดสี่เหลี่ยมขอบเรียบ ที่มา: หนังสือสถาปัตยกรรมล้านนา ภาพถ่าย: รุ่งกิจ เจริญวัฒน์ / วีระพล สิงห์น้อย […]