สถาปัตยกรรมจากพม่าในสมัยอมรปุระ-มัณฑะเลย์ (พุทธศตวรรษที่ ๒๓ – ๒๕) ที่ผสมผสานรูปแบบพม่าแท้และมอญ (หรือเรียกว่า แบบมอญ-พม่า) ต่อเนื่องมาจากสมัยพุกาม มีอิทธิพลต่อการสร้างหรือบูรณปฏิสังขรณ์สถาปัตยกรรมทางศาสนาในล้านนา รูปแบบดังกล่าว นำมาโดยชาวพม่าและชนชาติอื่น เช่น ชาวไทใหญ่จากรัฐฉานในพม่า และชาวมอญจากเมืองหงสาวดี รวมถึงชาวเผ่าอื่นๆ ในพม่า
ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๒๔ – ๒๕ เริ่มตั้งแต่ยุคฟื้นฟูเมือง หรือที่เรียกว่า “ยุคเก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” ในสมัยพระเจ้ากาวิละเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ (พ.ศ. ๒๓๒๕ – ๒๔๕๘) มีการรวบรวมกลุ่มชาวไตจากถิ่นต่างๆ ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในล้านนา ต่อมาเมื่อพม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ชาวพม่า มอญ ไทใหญ่ และชาวเผ่าอื่นๆ เช่น ปะโอ กะเหรี่ยง ได้เข้ามาพร้อมกับชาวอังกฤษที่เข้ามารับสัมปทานทากิจการป่าไม้ในจังหวัดต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๖๙ ภายหลังเมื่อรํ่ารวยเป็นคหบดีจึงได้พากันบูรณะหรือสร้างวัดขึ้น เพื่ออุทิศส่วนกุศลและขออโหสิกรรมต่อนางไม้ที่พวกตนได้โค่นต้นไม้ลง โดยใช้ช่างมัณฑะเลย์ มีการสร้างเจดีย์และวิหารแบบพม่าจำนวนมาก อีกทั้งบางแห่งยังเพิ่มรายละเอียดลวดลายประดับที่แฝงอิทธิพลของตะวันตกรวมอยู่ด้วย เช่น รูปเทวดาแบบฝรั่ง
ส่วนชาวไทใหญ่เป็นกลุ่มที่เข้ามาค้าขายในล้านนามาเป็นระยะเวลานาน และเข้ามาเพิ่มขึ้นในพุทธศตวรรษที่ ๒๔ ที่อังกฤษเข้ามาทำกิจการป่าไม้ในล้านนา รวมทั้งในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ที่เกิดการแย่งชิงการครอบครองหัวเมืองไทใหญ่ในพม่า ทำให้ชาวไทใหญ่อพยพเข้ามาบุกเบิกที่อาศัยในเมืองแม่ฮ่องสอน และได้สร้างวัดขึ้นเช่นเดียวกับชาวพม่า วัดที่ชาวไทใหญ่สร้างส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนและลำปาง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการทำป่าไม้ในสมัยนั้น
ในช่วงหลังยุคทองของล้านนา ชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในล้านนา โดยเฉพาะชาวพม่า ไทใหญ่ และชาวมอญ จากประเทศพม่า ซึ่งนับถือศาสนาพุทธ มีการสร้างวัดขึ้นหลายแห่งในจังหวัดต่างๆ (เรียกตามภาษาพม่าว่า “เจาว์” หรือ “จอง” แปลว่า วัด) มีลักษณะแตกต่างจากสถาปัตยกรรมแบบอย่างล้านนาอย่างสังเกตได้ชัดเจน โดยเฉพาะรูปทรงอาคาร และลักษณะหลังคาซ้อนชั้น แม้บางแห่งจะมีการผสมผสานองค์ประกอบตกแต่งเข้าด้วยกัน วิหารแบบพม่า – มอญ และไทใหญ่ มีลักษณะใกล้เคียงกัน ทั้งการสร้างอาคารยกพื้น ซึ่งรวมการใช้สอยหลายส่วนเข้าด้วยกัน ทั้งวิหาร ศาลาการเปรียญและกุฏิสงฆ์ โดยแยกอุโบสถและหอธรรมออกต่างหาก ส่วนรูปทรงหลังคาวิหาร สังเกตได้จากการมีหลังคาซ้อนชั้นลดหลั่นขึ้นไป อาจเป็นหลังคาจั่วหรือปั้นหยาที่มีมุขหลังคาแบบตรีมุขหรือจัตุรมุข และบนสันหลังคาอาจมียอดแหลมแบบฉัตรซ้อนชั้นครอบอยู่ รวมทั้งมีการประดับตกแต่งลวดลายประดับผนังภายนอก ผนังระหว่างชั้นหลังคาและฝ้าเพดานเป็นลวดลายอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมย่อมุม และมีการประดับลวดลายปิดทองและกระจกสีรอบเสาภายในอาคาร เป็นต้น
ส่วนข้อแตกต่างสังเกตได้จากรายละเอียดการประดับตกแต่งองค์ประกอบสำคัญ เช่น ลักษณะและจำนวนมากน้อยของหลังคาซ้อนชั้น วัสดุที่ใช้ทาลวดลายตกแต่งหลังคาและตัวอาคาร รูปสัญลักษณ์ที่สำคัญ และการจัดอาสนะของพระสงฆ์ภายในวิหาร เป็นต้น นอกจากนี้ บางวัดมีการสร้างสถาปัตยกรรมโดยได้รับอิทธิพลศิลปะจากหลายแหล่ง ทั้งพม่า ตะวันตก และจีน ตลอดจนไทลื้อ ที่ผสมผสานกันอย่างสวยงาม
อิทธิพลมอญ-พม่า-ไทใหญ่
อิทธิพลล้านนา-พม่า-ตะวันตก-จีน-ไทลื้อ
ที่มา: หนังสือสถาปัตยกรรมล้านนา
ภาพลายเส้น: นิธิ สถาปิตานนท์
ภาพถ่าย: วีระพล สิงห์น้อย / รุ่งกิจ เจริญวัฒน์ / สถาปนิก 49