
องค์ประกอบสถาปัตยกรรมประเภทอาคารเสนาสนะที่มีพื้นผิวเรียบและมองเห็นได้ชัด ได้แก่ หน้าบัน โครงหลังคา เสา ผนัง รวมไปถึงประตู หน้าต่าง หรือฝ้าเพดาน มักตกแต่งพื้นผิวเป็นลวดลายด้วยงานปิดทองแบบต่างๆ ทั้งลายบนผิวเรียบที่เรียกว่า “ลายคำ” ที่มีมาตั้งแต่โบราณ โดยปรากฏในงานสถาปัตยกรรมล้านนาตั้งแต่ช่วงยุคทอง เป็นวิธีการติดแผ่นทองคำเปลวลงในลายฉลุของแม่พิมพ์ลงบนพื้นผิวที่ทาสีแดงหรือสีดำ อาจมีการเขียนเส้นตัดขอบด้วย หรือมีการใช้เหล็กจารขูดเป็นลวดลายภายในบริเวณลายสีทอง เรียกว่า “ฮายลาย” และแบบลายนูน ๓ มิติ ด้วยการติดไม้ฉลุลายทับบนพืนเรียบด้านหลัง เรียกว่า “ปิดทองลายฉลุ” ซึ่งอาจมีการลงสีพื้นหลัง หรือประดับกระจกสีแผ่นบางบนลวดลาย หรือการขุดร่องลึกลงไปจากพื้นผิว เรียกว่า “ปิดทองร่องชาด” และนิยมงานประดับกระจกสีมากขึ้น มีทั้งที่ใช้ “กระจกเกรียบ” หรือกระจกสีที่ดาดลงบนแผ่นดีบุก แบบโบราณและ “กระจกแก้ว” พบได้ในสมัยหลัง ที่มักจะผสมกับการปิดทอง ได้แก่ แบบ “ปิดทองร่องกระจก” มีลักษณะเป็นลายปิดทองนูนต่ำ พื้นหลังขุดร่องประดับกระจกสี และ “ประดับกระจกลายยา” ซึ่งมีลักษณะตัวลายขุดร่องประดับกระจกสี ส่วนพื้นหลังปิดทองทึบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเทคนิค “สะตายจีน” คืองานปูนปั้นน้ำมันแบบจีน โดยใช้ปูนขาวผสมน้ำมันตั้งอิ้วที่สกัดจากต้นทั่ง
ลวดลายส่วนใหญ่ยังคงยึดถือแบบแผนดั้งเดิมที่สืบทอดมาจากยุคทอง เช่น ลายแม่แบบต่างๆ รูปสัตว์หิมพานต์ และสัตว์ในตำนานพื้นเมือง ลวดลายที่เพิ่มในช่วงหลังยุคทอง เช่น รูปเทวดาและทวารบาล มีการผสมผสานการแต่งองค์ทรงเครื่อง ถืออาวุธแบบกษัตริย์พม่า นอกจากนี้ยังมี “ลายปีเปิ้ง” ซึ่งหมายถึงรูปสัตว์ตามปีนักษัตร เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนปีเกิดของผู้สร้างหรือบูรณะ ปีสร้างหรือบูรณะศาสนสถาน หรือปีเกิดของผู้ที่ผู้สร้างอุทิศส่วนกุศล นอกจากนี้ยังมีรูปเฉพาะซึ่งเป็นที่นิยมอย่างเด่นชัดมากขึ้น ได้แก่ ลาย “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” และ “ปูรณฆฏะ” รวมทั้งลาย “นาคเกี้ยว” ที่สลับซับซ้อนยิ่งขึ้น ตลอดจนการผสมผสานด้วยลวดลายที่ได้อิทธิพลจากจีน เช่น “ลายแก้วชิงดวง” ลักษณะลายแบบเกี่ยวเนื่องเรียงร้อยกันในโครงสร้างเรขาคณิต และ “ลายสวัสดิกะแบบจีน”
การออกแบบลวดลายในยุคหลังนี้ มีทั้งแบบที่ลดรายละเอียดให้เหลือเพียงเส้นเค้าโครงหลักอย่างเรียบง่าย และแบบที่เพิ่มรายละเอียดมากขึ้น ส่วนลวดลายได้รับอิทธิพลจากแหล่งอื่น ได้แก่ ศิลปะตะวันตก พม่า มอญ และศิลปะทางภาคกลางสมัยรัตนโกสินทร์
จิตรกรรมฝาผนัง
ในอดีตมีภาพจิตรกรรมฝาผนังในวัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม จังหวัดเชียงใหม่ สร้างในช่วงยุคทองของอาณาจักรล้านนา เป็นแบบภาพลายเส้น เขียนบนแผ่นทองคำเปลวที่บุบนผนังหินก่อภายในกรุใต้ฐานเจดีย์ทรงระฆัง เป็นรูปอดีตพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ นับเป็นงานจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ที่สุดในล้านนา ปัจจุบันได้ลบเลือนไปหมดแล้ว คงเหลือเพียงภาพเขียนสีโบราณบางส่วนตามผนังภายในอุโมงค์ ที่ผสมผสานอิทธิพลศิลปะจีนและพม่า มีลายพรรณพฤกษา ลายเมฆไหล รูปดอกไม้ รูปสัตว์ในธรรมชาติและรูปสัตว์มงคลตามคติจีน เช่น ดอกโบตั๋น นกยูง นกแก้ว
ในช่วงหลังยุคทองของอาณาจักรล้านนา ภายในวิหารและอุโบสถนิยมตกแต่งด้วยภาพเขียนสี หรือที่ชาวล้านนาพื้นเมืองเรียกว่า “ฮูบแต้ม” เกี่ยวกับศาสนา เช่น พระพุทธประวัติ ทศชาติชาดก ภาพวิถีชีวิตชาวบ้าน และลวดลายต่างๆ






ที่มา: หนังสือสถาปัตยกรรมล้านนา
ภาพถ่าย: วีระพล สิงห์น้อย / สถาปนิก 49